วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Homepage/ Webpage /Website /Web Browser

ที่มาของภาพ   http://poopeza.blogspot.com/



เว็บไซต์ (Website) คืออะไร
เว็บไซต์ (Website) หมายถึง แหล่งความรู้หรือข้อมูลข่าวสารที่ถูกเก็บไว้บนระบบ เน็ตเวิร์ก (Network) ออนไลน์ (Online) ที่เรียกว่า อินเตอร์เน็ต (Internet) ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไดบนโลกนี้ถ้า คอมพิวเตอร์ (Computer) ของคุณได้ถูกเชื่อมต่อไว้กับระบบอินเตอร์เน็ต คุณก็สามารถที่จะเข้าชมเว็บไซต์ผ่านทาง ซอฟต์แวร์ (Software) ที่เรียกว่า เว็บบาวเซอร์ (Web Browser)
โฮมเพจ (Home Page) คืออะไร
โฮมเพจ คือคำที่ใช้เรียกหน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่งประกอบไปด้วยเมนูต่างๆและเรื่องราวต่างๆมากมายคล้ายกับหน้าปกนิตรสารบ้านเรา ดังนั้นหากเราออกแบบหน้าโฮมเพจให้สวยงามและน่าสนใจ โอกาสที่ผู้ชมจะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนโฮมเพจของเราก็จะยิ่งมากตามไปด้วย
เว็บเพจ (Web Page) คืออะไร
เว็บเพจ คือ คำที่ใช้เรียกหน้าเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ HTML (Hyper Text Markup Language) เปรียบเสมือนหน้ากระดาษแต่ละหน้าที่มีเรื่องราวต่างๆมากมายบรรจุอยู่ในนิตรสาร แต่แตกต่างกันตรงที่มีการเชื่อมโยง (Link) ซึ่งเราสามารถคลิกไปที่หน้าใดของโฮมเพจก็ได้
Web Hosting คืออะไร
web hosting คือ การบริการให้เช่าพื้นที่ในการทำเว็บไซต์ หรือหากต้องการจัดทำเว็บไซต์เป็นของตัวเอง จะต้องทำการจดโดเมนก่อนและหลังจากนั้น ก็ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์เสร็จแล้วจึงเช่าโฮสติ้ง สามารถจดโดเมนพร้อมกับเช่าโฮสติ้งพร้อมกันได้ทันที
คุณสมบัติที่ดีของเว็บโฮสติ้ง
1. เว็บโฮสติ้ง จะต้องไม่ล่มบ่อย
2. เว็บโฮสติ้ง จะต้องมีระบบป้องกันไวรัสหรือสแปม ขั้นต่ำ 90%
3. เว็บโฮสติ้ง จะต้องมีการสำรองข้อมูลอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
4. เว็บโฮสติ้ง จะต้องมีความรวดเร็วในการโหลดเว็บ
โดเมน คืออะไร
ชื่อโดเมน หรือ โดเมนเนม (domain name) หมายถึง ชื่อที่ใช้ระบุลงในคอมพิวเตอร์ (เช่น เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่เว็บไซต์ หรืออีเมล์แอดเดรส) เพื่อไปค้นหาในระบบ โดเมนเนมซีสเทม เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส ของชื่อนั้นๆ เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้ง เราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได้
โดเมนเนม หรือ ชื่อโดเมน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากไอพีแอดเดรสนั้นจดจำได้ยากกว่า และเมื่อการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรส ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือจดจำไอพีแอดเดรสใหม่ ยังคงใช้โดเมนเนมเดิมได้ต่อไป
SEO คืออะไร 
SEO (เอสอีโอ) มาจากคำเต็มๆ ว่า Search Engine Optimization ความหมายแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆ ก็คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ และกระบวนการต่างๆ ของเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบ เขียนโปรแกรม และการโปรโมทเว็บ เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine (เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google, MSN, Yahoo, AOL เป็นต้น)
SEO สำคัญยังไง
อินเตอร์เน็ตในยุคปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ใช้ Search Engine ในการค้นหาข้อมูล แทนที่จะต้องพิมพ์ URL (Uniform Resource Locator) ก็ใช้ Keyword (คำค้น) ป้อนลงไปใน Search Engine Box ต่างๆ ก็จะค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย และตรงประเด็น มีให้เลือกเปรียบเทียบอีกหลายๆ แห่ง สำหรับเรื่องๆ นั้น และเมื่อค้นพบแล้ว ก็จะมีการแสดงผลออกมาหลายๆ หน้า หลายๆ เว็บไซต์ เว็บที่ถูกแสดงเป็นอันดับที่ 1 2 3 หรือที่แสดงผลในหน้าแรก ก็จะถูกคลิกเข้าไปดูข้อมูลมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บตัวเองขึ้นอันดับ 1 ของ Keyword นั้นๆ เผื่อผลประโยชน์หลายๆ ด้านเช่น ขายสินค้า โฆษณา หรือโปรโมทร้านค้า บริษัทของตัวเอง ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง ดังนั้น ผมสรุป ความสำคัญของ SEO ออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ (ใครต้องการเพิ่มก็เขียนไว้ที่ คอมเม้นท์นะครับ)
ทำให้เว็บของเราติดอันดับต้นๆ ในการแสดงผลงการค้นหา
การเขียน Title ที่ดี Keyword Intrend ช่วยทำให้สะดุดตา แม้อันดับต่ำกว่า ก็มีสิทธิ์ถูกคลิกมากกว่า  ทำให้เว็บเราถูกหลักของ W3C ซึ่งเป็นมาตรฐานของภาษาที่ใช้เขียนเว็บ ทำให้ดูสละสลวยเมื่อ Search Engine มาเจอก็เก็บข้อมูลต่างๆ ได้ง่าย เมื่อติดอันดับต้นๆ ทำให้ขายสินค้าได้ โฆษณาเข้ามา เพราะมีทราฟิก ติด Adsense ก็มีโอกาสที่จะได้รับเงินค่าโฆษณาที่สูงด้วย เพราะมีทราฟิกก็มีโอกาส อื่นๆ 
PPC คืออะไร
Pay per Click Advertising หรือที่มักนิมยมเรียกอย่างย่อว่า PPC คือ การลงโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่ายกับทาง Search Engine เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เข้าเยี่ยมชม ค้นหาคำที่ตรงกับ Keywords ของเว็บไซต์ที่ต้องการโฆษณา และเว็บไซต์ที่ต้องการลงโฆษณาปรากฏอยู่ทางด้านขวามือของ Search Engine โดยผู้ลงโฆษณาจะเสียค่าใช้แบบ Pay Per Click ก็ต่อเมื่อผู้เข้าค้นหา คลิกไปที่เว็บไซต์ที่ลงโฆษณา และตำแหน่งที่จะปรากฏใน Search Engine ด้านขวามือนี้จะขึ้นอยู่กับการให้ราคาประมูล Pay Per Click กับทาง Search Engine เช่น คำว่า Hotel อาจมีผู้ค้นหาจำนวนมาก และมีผู้ประกอบการจำนวนมาก ต้องการลงโฆษณาด้วยการใช้ Keywords คำนี้เช่นกัน จะมีการประมูลแข่งราคากันว่า ผู้ประกอบการรายใดจะให้ราคาประมูลสูงที่สุด ทางผู้ให้บริการลงโฆษณาแบบ Pay Per Click ก็จะให้ผู้ประกอบการรายนั้น มีข้อความปรากฏตามคำที่ค้นหา ในอันดับสูงที่สุดทางด้านขวามือ เป็นต้น
Pay per Click Advertising มีชื่อเรียกหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
Keywords Advertising
Pay Per Click (PPC)
Cost Per Click (CPC)
Sponsored Link
Sponsored Results
Paid Placement
Paid Listing
Paid Advertising
AdWords คือ Pay Per Click Advertising Program ของ Search Engine อันดับ 1 ของโลก ได้แก่ Google.com ซึ่งเป็นวิธีการโฆษณาเว็บไซต์ผ่านทาง Google.com โดยโฆษณาของเราจะขึ้นเคียงข้างกับ Search Result ปกติของ Google.com และ เราจะเสียค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อ มีผู้คลิกผ่านโฆษณาของเรา เข้ามายังเว็บไซต์ของเราแล้วเท่านั้น ทำให้เรามั่นใจได้ว่า การโฆษณาของเรานั้นมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ากว่าการโฆษณาในแบบอื่นๆ
CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ ตัวของ CMS เองจะมีโปรแกรมแถมมาและสามารถแทรกเองได้มากมายเช่น webboard , ระบบจัดการป้ายโฆษณา , ระบบนับจำนวนผู้ชม แม้แต่กระทั่งตระกร้าสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย
CMS เป็นเหมือนโปรแกรม โปรแกรมหนึ่ง ที่มีผู้พัฒนามาจากภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในเว็บไซต์เช่น PHP , Python , ASP , JSP ซึ่งในปัจจุบันมีคนใจดีพัฒนา CMS ฟรีขึ้นมามากมายอย่างเช่น Mambo , Joomla , Wordpress
แน่นอนว่าผู้พัฒนาระบบ CMS ฟรี ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นล้วนเป็นมืออาชีพที่มีฝีมือในเรื่องของ เว็บไซต์เป็นอย่างยิ่ง ทั้งการเขียนโปรแกรมที่รัดกุม การออกแบบเนวิเกชั่นที่ดี ทำให้ภาพรวมของเว็บไซต์ที่ใช้ CMS นั้นออกมาในแนวมืออาชีพอย่างมาก
ข้อดีของ CMS 
1.ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ เพียงแค่เคยพิมพ์ หรือเคยโพสข้อความในอินเทอร์เนต ก็สามารถมีเว็บไซต ์เป็นของตัวเองได้ 
2.ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก 
3.ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด 
4.มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่ 
5.สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ 

ข้อเสียของ CMS
1.ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบทีม (หน้าตาของเว็บ) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื้องจาก CMS มีหลายๆระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้
2.ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น
3.ในการใช้งานจริงนั้นจะมีความยุ่งยากในการ set up ครั้งแรกกับ web server แต่ปัจจุบันก็มีผู้บริการ web server มากมายที่เสนอลงและ set up ระบบ CMS ให้ฟรีๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เมื่อรวมๆข้อดีและข้อเสียดูแล้ว ก็ยังเห็นได้ว่า CMS นั้นก็เป็นระบบที่น่าใช้งานอยู่ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น