คอมพิวเตอร์ช่วยให้คนทำงานได้เร็วและมากขึ้น
เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงใช้พลังงานเพียงน้อยนิดแต่ได้ผลงานออกมา
มาก การเคลื่อนนิ้วไปมาระหว่างแป้นพิมพ์หรือการใช้เมาส์ การเคลื่อนของศีรษะ
ไปมาขณะทำงานใช้พลังงานน้อยมาก แต่ในแง่ของระบบร่างกายนั้น
มนุษย์ต้องมีการเคลื่อนไหวไม่ใช่อยู่นิ่งเหมือนขณะใช้คอมพิวเตอร์
ยิ่งถ้ามีความเครียดมาประกอบกับงานที่ทำแล้ว อาการปวดตามส่วนต่างๆ
ของร่างกายที่ต้องอยู่นิ่งเกือบตลอดทั้งวันจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
อาการปวดที่พบบ่อย
อาการ
ที่พบบ่อยในคนทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ คืออาการปวดต้นคอ บ่า ศอก ข้อมือ
ข้อนิ้วมือ บางคนอาจมีปวดหลังร่วมด้วย
สาเหตุที่เกิดขึ้นคือคนทำงานจะพยายามให้ศีรษะอยู่นิ่ง
เพื่อช่วยในการมองเห็นจอ แป้นพิมพ์ และต้นฉบับ
การทำเช่นนี้แม้จะไม่ใช่งานที่หนักของกล้ามเนื้อบริเวณคอและเอ็นของข้อ
กระดูกสันหลัง แต่เป็นการหดตัวของกล้ามเนื้อแบบคงที่
มีผลทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณกล้ามเนื้อที่คอและบ่าลดลง
ส่วนของเอ็นที่อยู่ด้านหลังของคอจะถูกยืดทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นน้อย
ลง
ดังนั้นการก้มคออยู่เป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยนมุมหรือเปลี่ยนน้อยมากย่อมทำ
ให้เกิดอาการปวดของกล้ามเนื้อบ่า และด้านหลังคอ บางท่านอาจมีอาการปวดศีรษะ
ยิ่งถ้าเครียดอาการเหล่านี้จะมากขึ้น
การป้องกันอาการปวดด้วยการจัดสภาพงานการ
ป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหล่านี้ทำได้ไม่ยาก
ด้วยการจัดสถานที่ทำงานให้เหมาะสม เช่น
ความสูงของขอบจอด้านบนควรอยู่ในระดับสายตา
การวางต้นฉบับอยู่ตรงหน้าไม่วางอยู่ด้านข้าง
เพื่อลดการเอียงหรือก้มคอที่มากเกินไป การพักการทำงานทุก ๑ ชั่วโมง
เหล่านี้เป็นการจัดการทางกายศาสตร์
หรือการจัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับตัวคนทำงาน
เมื่อจัดสภาพงานให้เหมาะสมแล้ว
การออกกำลังกายที่นำเสนอนี้จะมีส่วนส่งเสริมป้องกันไม่ให้มีอาการปวดที่ได้
อย่าลืมว่าการออกกำลังกายมีส่วนช่วยแต่เพียงบางส่วน
ถ้าคอของท่านยังก้มมากเกินไป เอียงคอตลอดการทำงานและไม่หยุดพักเมื่อปวด
ไม่ว่าจะออกกำลังกายอย่างไร ท่านมีโอกาสปวดคอ บ่า ศอก นิ้ว
ได้มากกว่าคนทำงานที่จัดสภาพงานที่เหมาะสมกับตัวเอง
การพักและการออกกำลังกายแบบแอโรบิก
ควร
พักเมื่อเริ่มรู้สึกปวดหรือเมื่อยบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย
หรือถ้าไม่มีอาการปวดเลยควรพักทุก ๑ ชั่วโมง ขณะพักควรทำการออกกำลัง
ในท่าที่นำเสนอมานี้ ไม่จำเป็นต้องทำครบทุกท่าในแต่ละช่วงการพัก
เพียงแต่ทำให้ครบทุกท่าใน ๑ วัน บางท่านที่มีอาการปวดเมื่อย คอ บ่า
ให้เน้นทำในท่าที่ ๑-๓ ข้อมือและศอก ใช้ท่าที่ ๔ นิ้วมือให้ใช้ท่าที่ ๕-๗
เป็นต้น สำหรับท่านที่มีอาการปวดเมื่อยหลัง
ลองเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการยืนแอ่นหลัง ๕ วินาที ๒-๓ ครั้ง
คน
ทำงานคอมพิวเตอร์นั่งนาน มีกิจกรรมทางกายน้อยมีอัตราเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
เช่น โรคหัวใจ ความดันเลือดสูง เบาหวานและมะเร็งสูง
ต้องพยายามเพิ่มกิจกรรมทางกายให้มากขึ้นในการทำงาน เช่น
เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์
จอดรถห่างที่ทำงานและเดินเร็วไปทำงาน การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น
การวิ่ง เดิน ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยปานกลาง
ถึงหนักอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย ๒๐ นาที ๓ ครั้งต่อสัปดาห์
เป็นสิ่งที่จำเป็นในคนทำงานคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าท่านอายุเกิน ๔๐ ปี
ไม่เคยออกกำลังแบบแอโรบิกมาก่อน หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวของท่าน
อย่าลืมว่า
คนทำงานคอมพิวเตอร์ต้องปรับสภาพการทำงานให้เหมาะกับตัว ออกกำลังกาย
เมื่อยหรือเครียดนักพักเสียหน่อย เท่านี้ท่านจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ปราศจากอาการปวดเมื่อยจากงานคอมพิวเตอร์
ที่มาของข้อมูล http://www.doctor.or.th/article/detail/1334
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น