วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Samsung ยื่นจดสิทธิบัตรสุดแนว ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากการสัมผัสหน้าจอ
ในช่วง อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ US Patent & Trademark Office ได้ทำการเปิดเผยสิทธิบัตรที่ถูกยื่นจดโดย Samsung ที่เนื้อหาภายในเกี่ยวกับการสร้างพลังงานไฟฟ้าโดยการสัมผัสหรือถูไปที่หน้า จอโดยใช้ triboelectric generators ซึ่งจะถูกนำมาใช้งาน(รึเปล่ายังไม่มีใครทราบได้) บนผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาในอนาคต โดยเป้าหมายก็คือเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ ได้นานขึ้นโดยไม่ต้องชาร์จไฟบ่อยๆ
เทคนิค triboelectric generators นี้คือการใช้วัสดุ 2 ชนิดขึ้นไปสัมผัสกันจนทำให้เกิดสภาพขั้วไฟฟ้าที่ต่างกันบนวัสดุทั้ง 2 (เหมือนกับการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ที่เอาแท่งอำพันถูกับผ้าแพร จะทำให้แท่งอำพันเกิดไฟฟ้าสถิตย์) โดยผู้ที่นำเทคนิคนี้มาประยุกต์ใช้ก็คือศาสตราจารย์ Wang แห่ง Georgia Institute of Technology ได้นำหลักการนี้มาสร้างพลังงานโดยพึ่งพาพลังงานกลจากการออกแรงกระทำต่อแผ่น วัสดุขั้วไฟฟ้าที่วางซ้อนกัน โดยจะเป็นไปดังคลิปวีดีโอดังต่อไปนี้
สำหรับสิทธิ บัตรของทาง Samsung นั้นได้อ้างอิงหลักการดังกล่าวในข้างต้นว่าการสัมผัสหรือถูไปที่หน้าจอของ อุปกรณ์จะสามารถที่จะนำพลังงานไฟฟ้าส่งกลับไปที่ยังตัวอุปกรณ์ได้(อุปกรณ์ นั้นน่าจะเป็นสมาร์ทโฟนมากกว่าแท็บเล็ท แต่ทว่าก็ยังไม่แน่นอนมากนักว่าจะใช้กับสมาร์ทโฟนได้เพียงอย่างเดียวหรือ ไม่) ซึ่งภายใต้หน้าจอของอุปกรณ์จะมีแผ่นขั้ววัสดุไฟฟ้า(ที่บางกว่า 1 mm) ซ้อนกันอยู่แล้วอาศัยหลักการข้างต้นในการสร้างพลังงานไฟฟ้า
สำหรับสิทธิ บัตรของทาง Samsung นั้นไม่ได้จะใช้แต่เพียงเทคนิค triboelectric generators เท่านั้นครับ เนื่องจากว่าอาจจะมีการใช้เทคนิค piezoelectric generator ร่วมด้วยโดยเทคนิค piezoelectric generator นั้นจะทำการสร้างพลังงานไฟฟ้าโดยการวัดระดับแรงดันของวัตถุ(เมื่อมีการแรงกด วัตถุจะเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น) โดยจะใช้วัตถุเดียวกันกับที่ใช้ในเทคนิค triboelectric generators ซึ่งนั่นทำให้สิทธิบัติของ Samsung นั้นสามารถที่จะสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ทั้ง 2 ทิศทางไม่ว่าเราจะสัมผัสหรือถูไปที่หน้าจอหรือว่าเรากดสร้างแรงดันให้กับ หน้าจอครับ ทั้งนี้ก็คงต้องรอคอยดูต่อไปว่า Samsung จะสามารถสร้างอุปกรณ์ที่ใช้งานสิทธิบัตรนี้ขึ้นมาได้จริงๆ หรือไม่ ถ้าได้จริงๆ เราคงไม่ต้องวิ่งหาปลั๊กชาร์จไฟตลอดทั้งวันอย่างที่เคยเป็นมาแล้วก็ได้
ที่มา: notebookspec
วางจำหน่ายแล้ว!! Hydra Plastic Case เคสสำหรับ iPhone 6 ที่สามารถรักษารอยขีดข่วนเองได้ใน 30 วินาที
เราคงได้เห็น LG G Flex ที่มีความสามารถในการรักษาตัวเองได้กันไปแล้ว หลายคนคงอยากให้มันมาอยู่บนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่ตัวเองใช้อยู่กันบ้าง ล่าสุดทาง Innerexile ก็ได้ออก Hydra Plastic Case สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์รักษาตัวเองเหมือนกับ LG G Flex โดยจากวิดีโอจะเห็นว่าเคสดังกล่าวสามารถรักษาตัวเองได้จากการถูกขูดโดยแปรง ทองเหลืองด้วยน้ำหนัก 1 กิโลกรัม สูงกว่า LG G Flex ที่ทนได้ที่ 750 กรัม จะเห็นว่าสามารถคืนสภาพได้ภายใน 30 วินาที
โดย Innerexile Hydra Case นี้จะวางจำหน่ายแล้วมีให้เลือก 3 สี (แบบใส, ดำ, ชมพู) ที่ราคา $22 ประมาณ 720 บาทสำหรับ iPhone 6 และราคา $26 ประมาณ 850 บาทสำหรับ iPhone 6 Plus สนใจไปสั่งซื้อกันได้ที่
แหล่งที่มา http://www.advice.co.th/newsdetail.php?nid=672
https://www.youtube.com/watch?v=wHPdVyN6wYY
วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ที่ชาร์จมือถือไซส์มินิ!! ไม่ต้องพกแบตสำรองให้รุ่มร่ามและหนักกระเป๋าอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าปัญหาแบตมือถือหมด จะแก้ได้ด้วยการพกแบตสำรอง
แต่ก็เกิดปัญหาอื่นตามมา เพราะแบตเตอรี่สำรองนั้นค่อนข้างหนัก
ถ้าให้ใส่กระเป๋ากางเกงไปใช้ในชีวิตประจำวัน คงจะไม่สะดวกนัก
แต่ก็เกิดปัญหาอื่นตามมา เพราะแบตเตอรี่สำรองนั้นค่อนข้างหนัก
ถ้าให้ใส่กระเป๋ากางเกงไปใช้ในชีวิตประจำวัน คงจะไม่สะดวกนัก
นักออกแบบนาม Tsung Chih-Hsien
ได้สร้างสรรค์ผลงานคอนเซปต์การออกแบบ ‘Mini Power’
โดยคอนเซปต์การออกแบบชิ้นนี้ได้รับรางวัล Red Dot Award ประจำปี 2014 ไปครอง
ได้สร้างสรรค์ผลงานคอนเซปต์การออกแบบ ‘Mini Power’
โดยคอนเซปต์การออกแบบชิ้นนี้ได้รับรางวัล Red Dot Award ประจำปี 2014 ไปครอง
ความพิเศษของแบตเตอรี่นี้ที่แตกต่างจากแบตสำรองพกพาทั่วไป คือ ขนาดที่เล็กมากๆ เมื่อเทียบกับแบตสำรองที่มีข้อจำกัด คือ หนักกว่า ต้องต่อสายรุ่มร่าม ขาดความคล่องตัวในการใช้งาน
โดย Mini Power จึงถูกออกแบบมาตอบสนองในข้อจำกัดจุดนี้
มีขนาดเล็กกะทัดรัด ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือสามารถเสียบเข้ากับโทรศัพท์และใช้งานต่อได่ตามปกติทันที ไม่ต้องเสียบสายระโยงระยางให้เกะกะอีกต่อไป
มีขนาดเล็กกะทัดรัด ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือสามารถเสียบเข้ากับโทรศัพท์และใช้งานต่อได่ตามปกติทันที ไม่ต้องเสียบสายระโยงระยางให้เกะกะอีกต่อไป
Mini Power ใช้พลังงานจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่กระดาษ
สามารถชาร์จไฟซ้ำและรีไซเคิลได้ ณ ร้านค้าที่จัดจำหน่าย
มีความจุหลายขนาดและราคาที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 2 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง และ 6 ชั่วโมง
สามารถชาร์จไฟซ้ำและรีไซเคิลได้ ณ ร้านค้าที่จัดจำหน่าย
มีความจุหลายขนาดและราคาที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 2 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง และ 6 ชั่วโมง
ที่มา: yankodesign
วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
5 วิธี พักสายตาเมื่อต้องอยู่หน้าคอมเป็นเวลานาน
นั่งทำงานอยู่หน้าคอมนานๆต้องปวดตาใช่ไหมละผมเองก็ประสบปัญหานี้เหมือนกันที่ต้องนั้งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเวลาผ่านไปนานๆเข้า
เราอาจจะประสบปัญหาเกี่ยวกับสายตาโดยไม่รู้ตัว แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขปัญหายังไงล่ะ ?
1.พักงานที่ทำไว้
แล้วออกไปรับอากาศสดชื่นข้างนอกห้อง
2.พื้นที่สบายตา
หาอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นไม้เล็กๆ หรือรูปภาพ ที่มองแล้วสบายตา
มาไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อเป็นจุดพักสายตา
3.หลับตา
แล้วเกลือกตาไป-มา สักพักหนึ่ง เพื่อเป็นการพักสายตา
4.อย่าขาดน้ำ
ให้ดื่มน้ำตามหลักที่ควรจะดื่มต่อวัน เป็นผลดีต่อสุขภาพ
และทำให้ดวงตาเราสดชื่นด้วย
5.นวดตาแก้ปวด โดยการนวดแบบทวนเข็มนาฬิกาทีละข้าง 5-10 นาที ช่วยคลายกล้ามเนื้อ จากการมองจอเป็นเวลานาน
ลองทำตามวิธีที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นดูนะ อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่มากก็น้อย
ที่มา:Advice gie
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ดีไหม! ถ้าทุกครั้งที่คุณหยิบไฟแช็คมาจุดสูบบุหรี่แล้วมันช่วยย้ำเตือนให้คุณเลิกสูบบุหรี่??
“ไฟแช็ค” น่าจะเป็นสิ่งที่คนติดบุหรี่มีติดตัวกันเป็นประจำ
แล้วจะดีไหมถ้าทุกครั้งที่คุณหยิบไฟแช็คมาจุดสูบบุหรี่แล้วมันช่วยย้ำเตือนให้คุณเลิกสูบบุหรี่??
QuitBit เป็นไฟแช็คอัจฉริยะตัวแรกของโลกที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่จุดบุหรี่ได้อย่างเดียว
แต่สามารถ ติดตามสถิติการสูบบุหรี่ในแต่ละวันของคุณได้ด้วย
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ใช้ลดละเลิกบุหรี่ได้ในที่สุด
ข้อมูลที่ QuitBit ไฟแช็คอัจฉริยะนี้สามารถติดตามเก็บได้คือจำนวนบุหรี่ที่สูบในแต่ละวัน
ระยะเวลาทั้งหมดหลังจากสูบบุหรี่มวนล่าสุด
โดยข้อมูลดังกล่าวนีจะแสดงผ่านแอพฯบน Smartphone ซึ่งรองรับทั้งบน iOS และ Android
นอกจากเก็บข้อมูลการสูบบุหรี่ได้แล้ว
คุณยังสามารถตั้งค่าจำนวนครั้งที่จะสามารถจุดไฟแช็กได้หรือตั้งเวลาที่จะจุดไฟได้ด้วย
พูดง่ายๆก็คือสามารถกำหนดลิมิตในการสูบบุหรี่ต่อวันของคุณได้นั่นเอง
ณ
ขณะนี้เจ้าไฟแช็คอัจฉริยะนี้ยังไม่มีวางจำหน่าย
เพราะเป็นโครงการที่กำลังระดมทุนอยู่ผ่านเว็บไซต์
>> KickStarter << หากสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม
แม้จะมีไฟแช็คอัจฉริยะนี้แล้ว
คุณก็ยังต้องมีวินัยอย่างมากอยู่ดีในการลดละเลิกบุหรี่
นอกจากนี้การบอกกล่าวแก่คนรอบข้างไว้ว่าคุณจะเลิกบุหรี่ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก
เขาจะได้ไม่ยื่นไฟแช็กของเขาให้คุณจุดบุหรี่ไง
ที่มา:www.arip.co.th
เทคโนโลยีใหม่ Archival Disc ความจุ 300GB เก็บได้นาน 50 ปี
Sony และ Panasonic ได้ร่วมกันเปิดตัวระบบแผ่นออพติคัลดิสก์ข้อมูลแบบใหม่ชื่อว่า Archival
Disc มีจุดเด่นที่สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากและเก็บรักษาตัวแผ่นให้ใช้งานได้ยาวนานถึง
50 ปี ตัวแผ่น Archival Disc นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาและขนาดเท่ากับแผ่น
DVD หรือ Blu-ray ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ทางผู้ผลิตตั้งใจเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรมากกว่าผู้ใช้ทั่วไปตามบ้าน
ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการในการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
และต้องการเก็บเอาไว้เป็นเวลานาน อาทิเช่น อุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์
หรือศูนย์ข้อมูลต่างๆ
เทคโนโลยีนี้จะสามารถรองรับความจุได้ 300GB ถึง 1TB ต่อแผน มีกำหนดที่จะออกวางขายในช่วงกลางปี 2015 ที่จะถึงนี้
ที่มา : beartai.com
วิธีใช้ wi-fi สาธารณะอย่างปลอดภัย
ผู้ใช้คอมและสมาร์ทโฟน
ส่วนใหญ่จะหา wi-fi
ฟรีเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตในการทำงานต่างๆและติดต่อสื่อสารกับเพื่อน
และชมความบันเทิงจากทั่วโลก แต่อย่าลืมว่าการใช้ wi-fi ฟรีสาธารณะนั้น
ก็ต้องระวังจากกลุ่ม hacker ที่จ้องจะขโมยข้อมูลส่วนตัวเช่น password
และข้อมูล social network และข้อมูลสำคัญอื่นๆเช่น
e-banking , email , และเอกสารสำคัญด้วย
ดังนั้นเรามาดูกันว่า การใช้ wi-fi สาธารณะอย่างปลอดภัยต้องทำอย่างไรบ้าง
?
1.เลือก Hotspot Wi-FI ที่น่าเชื่อถือ ควรสอบถามจากเจ้าของสถานที่
ว่าที่นี่มีรายไหนบ้างที่ให้บริการฟรี ไม่ใช่เจอ hotspot คำว่า
wi-fi free ก็ คลิก connect ไปเลย
ซึ่งจะเสี่ยงโดนขโมยข้อมูลได้
2. หากมีการใส่รหัสผ่านควรตรวจสอบว่าเข้ารหัสแบบ https:// หรือเปล่า.. ถ้าใช่ก็ปลอดภัย
3. ใช้งาน wi-fi สาธารณะเสร็จควร logout ออกทุกครั้ง ในกรณีที่ใช้ wi-fi
ด้วย username และ password ผ่านทางเว็บไซต์
4. ใช้งานผ่าน wifi เสร็จแล้ว คลิกขวา บน hotspot wi-fi แล้วเลือก forgot
this network เพื่อออกจากระบบ
5. ปิดการแชร์พวกปริ้นเตอร์ และ
แชร์ไฟล์บนเครือข่าย Network เพื่อป้องกันคนแฮกระบบเข้าถึงข้อมูลไฟล์
ในกรณีคุณใช้ wi-fi สาธารณะ
ที่มา: it24hrs
http://www.advice.co.th/newsdetail.php?nid=319
Microsoft Office จับมือ Dropbox เชื่อมการทำงานทั้งคู่เข้าด้วยกัน
เมื่อสองการทำงานอย่าง Microsoft Office
และ Dropbox ประกาศความร่วมมือกัน
ผลลัพธ์ที่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลองมาดูกัน
ทั้ง Microsoft Office และ Dropbox เปิดเผยว่า ได้ตกลงความร่วมมือกันในการใช้งานทั้งคู่ให้เอื้อกันมากขึ้น โดยหลังการอัปเดตแล้ว ผู้ใช้งาน Office จะสามารถเปิด แก้ไขงาน แชร์ไฟล์ใน Dropbox ได้จากภายในแอพฯ ของ Microsoft Office เอง และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ภายในเอกสาร ก็จะทำการซิงค์โดยตรงกับ Dropbox และ สามารถเชิญคนอื่นมาร่วมแก้ไขงานด้วยการแชร์ลิงค์ไฟล์บน Dropbox ได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขงานใน Dropbox ได้ทันที หรือนำไปเปิดในแอพฯ Office เพื่อให้ใช้งานฟังก์ชันได้มากกว่า
แม่ว่า Microsoft จะมี OneDrive อยู่แล้ว แต่การขยายไป Dropbox ที่ผู้ใช้นิยมกว่า อาจทำให้ได้ประโยชน์จากการใช้งานที่ถูกใจผู้ใช้ยิ่งขึ้น เพื่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Google อีกทีหนึ่ง โดย Dropbox กล่าวว่า จะอัปเดตลง Android และ iOS ในอาทิตย์ที่จะถึงนี้ และ Windows phone กับ Windows Tablet จะมาภายในเดือนนี้พร้อมกับแอปฯ Dropbox ที่กำลังจะออก ส่วนบนเว็บไซต์อาจจะต้องรอจนกระทั่งผ่านครึ่งปีหน้าไปก่อน ถึงจะได้ใช้
ที่มา:arip
http://www.advice.co.th/newsdetail.php?nid=636
วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เตือนภัยไซเบอร์ 5 พฤติกรรม..ที่ทำให้ข้อมูลในมือถือหายไป!!
พฤติกรรม 5 แบบที่ทำให้คุณ..สูญเสียข้อมูลสำคัญในมือถือ
มายด์เทอร่า ผู้ให้บริการระบบไอทีซีเคียวริตี้แบบครบวงจร
เตือนภัยเหล่าไซเบอร์ทั้งหลาย..ถ้าหากว่าคุณมีพฤติกรรมเสี่ยงๆเหล่านี้
อาจจะทำให้ข้อมูลสำคัญในมือถือหายไป
1.
แชร์ Gmail ID ร่วมกับผู้อื่น (ถ้าใน iOS
คือ Apple ID)
4. ติดไวรัสจากการไม่อ่าน App
Permission ให้รอบคอบ
5.
โทรศัพท์หาย หรือ ถูกขโมย
พฤติกรรมที่ควรระวัง และควรหลีกเลี่ยง
ที่มา: flashfly
http://www.youtube.com/watch?v=OJtDcLZ_be0
วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
จัดไป! 6 เทคนิคเพื่อชาวโซเชียล แชต แชร์ ได้ชิคและปลอดภัย
เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังไม่ใส่ใจความปลอดภัยมากนัก!
ผู้เชี่ยวชาญเผยแฮกเกอร์เห็นช่องว่าง เล็งโจมตีโซเชียลเน็ตเวิร์กหนัก เตือนคนเล่น
แชต แชร์ แบบไม่คิด เสี่ยงตกเป็นเหยื่อ...
แม้ว่า
พฤติกรรมการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กและการออนไลน์ จะแพร่หลายอย่างมากในปัจจุบัน
แต่เช่ือหรือไม่...? ว่าผู้ใช้ยังคงให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในระดับต่ำ
สอดคล้องกับ
ผลการสำรวจเรื่อง Consumer Security Risks Survey 2014 :
Multi-Device Threats in a Multi-Device World โดยบริษัท บีทูบี
อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับแคสเปอร์สกี้ แลป
ซึ่งระบุว่ามีกลุ่มคนจำนวนน้อยมากที่เข้าใจความเสี่ยงที่มากับการใช้โซเชีย
ลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะคนที่ใช้โมบายดีไวซ์เพื่อเข้าไซต์โซเชียลต่างๆ
แม้การสื่อสารทางโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นเป็นที่นิยมติดอันดับสามรองจากการ
เช็กอีเมล์และการอ่านคอนเทนต์ทั่วไป
ขณะที่เทรนด์การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กผ่านโมบายดีไวซ์ก็ค่อนข้างสูงตามติด
เครื่องพีซี
อย่าไว้ใจว่าสิ่งที่เราใช้เป็นประจำจะปลอดภัย...
ทั้งนี้
ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 78%
ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจของอาชญากรไซเบอร์
ทั้งยังไม่คิดว่ามีอันตรายอะไรกับกิจกรรมโซเชียลเน็ตเวิร์กของตน โดยการสำรวจพบว่า 1
ใน 10 คนเคยพูดคุยข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า
ขณะที่ 15% ส่งข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ได้เปิดเผยที่ใดผ่านทางโซเชียล
ยิ่งไปกว่านั้น 12% ระบุว่าตนเองกรอกข้อมูลออนไลน์แอคเคาท์เมื่อใช้เครือข่ายไว-ไฟสาธารณะ
โดยมีเพียง 18% เท่านั้น
ที่คิดว่าตนเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไปหรือเปล่า และอีก 7% ให้ความสำคัญว่าการติดต่อทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นหนึ่งในข้อมูลหลักที่เกรง
กลัวว่าจะสูญเสียไปมากที่สุด
และเป็นไปตามคาด...
เพราะผู้ใช้โมบายล์มักตกอยู่สถานการณ์ล่อแหลม โดยมี 6% ระบุว่าเคยโดนแฮกเกอร์ยึดแอคเคาท์
และอีก 13% เป็นของกลุ่มที่ใช้แท็บเล็ตแอนดรอยด์
เห็นลิงก์แปลกใหม่
ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องคลิกอยู่เสมอ.....
แล้วจะทำอย่างไร
เมื่อเราเป็นพวกใจรักการออนไลน์และใช้โซเชียลแบบ non stop ขาดกันไม่ได้!
เราขอแนะนำ 6 วิธีธรรมดาแสนง่ายดาย
แต่สามารถเลี่ยงความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อโซเชียลได้ชะงักนัก...!
1. ใช้พาสเวิร์ดที่เหมาะสมและเดายาก
และยกเลิกฟังก์ชั่นการเติมเต็มพาสเวิร์ดอัตโนมัติ (auto-complete function)
โดยเฉพาะเวลาที่คุณใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
2. ระมัดระวังข้อมูลที่แชร์บนเน็ตเวิร์ก
ถ้ามีเรื่องราวที่คุณต้องการแบ่งปันกับกลุ่มเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง
ก็ควรแบ่งเป็นกลุ่ม "friends" เพื่อจัดข้อมูลส่วนตัวที่คุณเลือกจะแชร์เฉพาะกับคนที่ไว้วางใจเท่านั้น
ลิงก์วิดีโอกลายเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายคนตกเป็นเหยื่อ
3. อย่าดาวน์โหลดไฟล์
อย่าคลิกลิงก์ต่างๆ ที่ไม่แน่ใจแหล่งที่ส่งมา
เรื่องนี้ต้องจำกัดกรอบให้ความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองซักหน่อย
ถ้าไม่มั่นใจกับลิงก์แปลกๆ ก็อย่าไปสนใจคลิกมันเลย
4. ก่อนจะกรอกข้อมูลส่วนตัวควรตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่ใช่เพจปลอม
เนื่องจากปัจจุบันอาชญากรออนไลน์ก็พยายามสร้างสรรค์วิธีลวงข้อมูลสำคัญจาก
ผู้ใช้ที่ไม่ค่อยคำนึงถึงความปลอดภัย เพื่อมาหลอกเอายูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดของคุณ
5. เลือกใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายที่ปลอดภัย
เรารู้ว่าเดี๋ยวนี้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องสำคัญ
แต่อย่าปล่อยใจไปกับเครือข่ายไว-ไฟฟรี ที่ไม่น่าเชื่อถือ
และหากเป็นไปได้คุณควรหลีกเลี่ยงการใส่ล็อกอินและพาสเวิร์ดเมื่อต่อเชื่อม
กับฮอตสปอต หรือหากจำเป็นจริงๆ
ก็ควรใช้พาสเวิร์ดเมื่อมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เฉพาะเครือข่ายที่ไว้ใจได้เท่านั้น
6. หาโซลูชั่นปกป้องเครื่อง
แม้ว่าคุณอาจแน่ใจว่าดีไวซ์ที่คุณใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นมีระบบป้องกันดี พอ
แต่ก็ควรเลือกใช้โซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยมาเพิ่มเกราะป้องกันให้อุปกรณ์ของคุณด้วย
เช็กความปลอดภัยให้ชัวร์
เพื่อการใช้งานโซเชียลแบบไร้ความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม
จากสถิติในปี 2556
พบว่าแฮกเกอร์ให้ความสนใจโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างต่อเนื่อง
โดยข้อมูลจาก Kaspersky Security Network ระบุว่าแคสเปอร์สกี้
แลป สามารถสกัดจับการหลงเข้าฟิชชิ่งเพจ (เพจปลอม) ได้มากกว่า 600 ล้านครั้ง และกว่า 35% ของเพจเหล่านี้เลียนแบบโซเชียลเน็ตเวิร์กไซต์
ขณะเดียวกันการสำรวจยังพบว่า 40% ของยูสเซอร์เคยได้รับข้อความน่าสงสัยชักชวนให้คลิกเข้าลิงก์ต่างๆ
หรือดาวน์โหลดไฟล์ และอีก 21% ยังระบุว่าเคยได้รับอีเมล์ที่อ้างว่าส่งมาจากโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อขอ
ข้อมูลส่วนตัวอีกด้วย
นี่หมายถึงความเสี่ยงจากการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก
ซึ่งจะแน่ใจได้แค่ไหน ว่าคุณไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง...?
ที่มา: thairath
http://www.advice.co.th/newsdetail.php?nid=597
Thai Thumb แฟลชไดร์ฟ 4 GB ฝีมือคนไทยผลิตจากพลาสติกย่อยสลายได้
บริษัท คอนเซปต์ ทรี
จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Thai Thumb อุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูล
ขนาดบรรจุ 4 GB ผลิตจากพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
มีส่วนผสมของยางธรรมชาติ ดีไซน์โดยคนไทยและผลิตทุกอย่างในประเทศไทย
เป็นครั้งแรกของผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนที่ผลิตจากพลาสติกชีวภาพในเชิงพาณิชย์
มีส่วนผสมของยางพารา เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต
ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราได้ทางหนึ่ง ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรกรรม
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท คอนเซปต์ ทรี จำกัด www.concept-tree.net
ที่มา:
flashfly
http://www.advice.co.th/newsdetail.php?nid=630
วิวัฒนาการการเก็บข้อมูล
จากยุคเริ่มต้นในปี 1745 การเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ เริ่มจากการใช้กระดาษเจาะรู (punch
card) และมี วิวัฒนาการการเก็บข้อมูล พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจาก
กระดาษเจาะรู เป็นเทปแม่เหล็ก ตลับเทป ฮาร์ดดิสก์ CD แผ่นดิสก์ SD card USB Drive และจนถึงปัจจุบัน
ที่การเก็บข้อมูลลอยอยู่บนก้อนเมฆซะแล้ว ทีอนาคตว่ากันว่า
จะเป็นยุคการเก็บข้อมูลแบบโอโลแกรมที่เก็บข้อมูล 1 TB ในพื้นที่เพียง 1 เซ็นติเมตรเท่านั้น
จากหน่วย BYTE หรือ 8 bit ตอนนี้ก็เริ่มมีการพูดถึงหน่วย EXABYTE หรือ 1,000,000,000,000,000,000
bytes กันแล้ว มาดู infographics นี้กันว่า วิวัฒนาการของการเก็บข้อมูลจากยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน
มีการพัฒนาอย่างไรบ้าง ?
ที่มา http://iphone-drill.blogspot.com/2014/03/iphoneapptube-evad3rs-plus-6-more.html
ผุดแอพฯแก้โจทย์เลข เพียงใช้กล้องส่อง
เปิดตัวแอพ 'โฟโต้แมทฮ์'
ช่วยแก้โจทย์เลขง่ายๆ เพียงใช้กล้องส่องไปที่โจทย์
ลำพังเครื่องคิดเลขคงไม่เพียงพอสำหรับนักเรียนอีกต่อไป
เมื่อผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่าง 'ไมโครบลิงค์'
(MicroBLINK) ได้เปิดตัว 'โฟโต้แมทฮ์'
(PhotoMath) แอพพลิเคชั่นช่วยแก้สมการเลขอย่างง่ายๆ
เพียงแค่นำกล้องของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตไปส่องโจทย์แล้วรอเพียง 1-2 วินาที แอพพลิเคชั่นก็จะเฉลยคำตอบมาให้อย่างเสร็จสรรพ
แถมยังแสดงวิธีทำโดยละเอียดมาให้ดูอีกด้วย
ทั้งนี้แอพฯโฟโต้แมทฮ์รองรับการจับภาพเฉพาะตัวอักษรที่เป็นตัวพิมพ์เท่านั้น
ซึ่งอาจจับภาพจากบนหนังสือเรียนหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ได้ แต่ยังไม่รองรับการแก้โจทย์ที่ถูกเขียนด้วยลายมือ
แอพฯโฟโต้แมทฮ์เปิดให้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ
iOS และ Windows Phone สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีแล้ว
ส่วนผู้ใช้แอนดรอยด์ต้องรอกันไปจนถึงช่วงต้นปีค.ศ.2015
ที่มา
: phonearena.com,
bgr.com, youtube.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)